วันอังคารที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ฟุตบอลซีเกมส์ชายไทย เกิดอะไรขึ้น!!!

แชมป์ซีเกมส์ 8 สมัยซ้อน (แชมป์ซีเกมส์ 13 สมัย) และ 36 ปี กับการไม่เคยตกรอบแรกในรายการนี้

ช๊อคกันไปทั้งวงการล่ะครับ กับผลการแข่งขันที่ออกมา ไม่น่าเชื่อว่าฟุตบอลซีเกมส์ชายไทยจะเก็บกระเป๋ากลับบ้านก่อนกำหนด พร้อมกับความเศร้าเสียใจ ไม่ว่าจะเป็นกองเชียร์หรือทีมนักเตะเอง

ขอวิจารณ์เฉพาะเท่าที่ได้ดูมาในรอบแรกทั้ง 4 นัดละกัน (เพราะมีให้ดูแค่นี้ ฮา...)

  • ระบบทึม ผมรู้สึกว่า (ไม่รู้ว่ารู้สึกไปเองหรือเปล่า) การเล่นของทีมชาติไทย ไม่ค่อยเป็นระบบ ขาดการประสานงานที่ดี การส่งบอลยังขาดๆ เกินๆ การต่อบอลต่างๆ บางครั้งเหมือนไม่ค่อยได้ซ้อมมาด้วยกัน ไม่เหมือนทีมดีๆ ที่ "ไม่ต้องมองก็รู้กัน"
  • รูปแบบการเล่น ต้องขอบอกว่า "ไร้วิญญาณ" มากๆ พยายามจะกระชากไปทางปีกแล้วก็ โยน โยน และก็ โยน นอกจากไร้วิญญาณแล้ว ผมว่ายัง "ไร้จินตนาการ" ด้วย ไม่มีการเข้าทำที่หลากหลาย การโต้กลับเร็วไม่มี (มีแต่เกือบเร็ว) ต่อให้โต้กลับจังหวะการส่งบอลก้อยังดูขาดๆ เกินๆ อยู่ดี ดูเหมือนว่าจะเป็นสไตล์การเล่นแบบ อังกฤษโบราณ จริงๆ (อาจจะเป็นเพราะโค้ชเป็นคนอังกฤษ)
  • กรรมการ บางนัดกรรมการถือว่าเป็นส่วนสำคัญมาก เช่นนัดแรก การเล่นเกมส์หนักของเวียดนาม กรรมการเป่าฟาล์ว แล้วก้อเดินจากไป ทั้งๆ ที่ในบางจังหวะน่าจะมีการตักเตือนกันบ้าง และใบเหลืองก้อน่าจะมากกว่านี้ ยังไม่รวมไปถึงลูกจุดโทษที่ทำให้นึกไปได้ว่า ตอนเด็กๆ กรรมการอินเดียคนนี้คงเคยมาเรียนและอาศัยอยู่ที่เวียดนาม

การตกรอบแรกครั้งนี้ สิ่งที่ผมพอจะพูดได้คำเดียวก็คือ ประมาท อาจจะเป็นด้วยเหตุผลหลายๆ อย่างที่ทำให้เรา ประมาท และการประมาทในครั้งนี้ มันก้อส่งผลอย่างที่รู้ๆ กัน

แพ้เสียบ้างก็ดีเหมือนกัน เผื่อว่าจะได้กลับมาคิดกันเสียทีว่า การทำอะไรแบบ ลวกๆ มันก็จะไม่สุกอย่างที่เห็น อย่าคิดว่าตัวเองแน่ เพราะแค่เราหยุดอยู่กับที่ คนอื่นเขาก็เดินแซงเอาได้

ขอให้การพ่ายแพ้ในครั้งนี้เป็น "บทเรียนอันเจ็บปวดที่มีค่า" เป็นพลังสะท้อนกลับ ทำให้เราได้พัฒนาตัวเองมากยิ่งขึ้น

ป.ล. หากจะเปลี่ยนโค้ช คราวหน้าขอเป็นบราซิล อาเจนติน่า หรือ สเปน ก็ดีเหมือนกัน เผื่อว่าการเล่นบอลกับพื้น เท้าต่อเท้า การเจาะเข้าทำ จะได้ดีขึ้นและหลากหลายมากขึ้น

วันพฤหัสบดีที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ทำให้อยาก แล้วจากไป


ดูข่าวในช่วงนี้ เห็นแฟนบอลชาวอยุธยาออกมาเผาเสื้อทีมประท้วงสโมสรการไฟฟ้า แล้วผมเข้าใจในความรู้สึกของกองเชียร์ชาวอยุธยานะครับ


เนื่องจากผมก็เคยโดนมาเหมือนกัน กับ ทีโอที เอฟซี ที่มา ทำให้อยาก แล้วจากไป แต่ชาวเมืองกาญจน์ก็ยังนับว่าโชคดีอยู่นะครับ เพราะมาแค่ครึ่งเดียว (เลกแรก ปี2009) ก็เลยอาจจะทำให้ความผูกพันธ์ยังมีไม่มากเท่าไหร่ ยังดีกว่าชาวอยุธยา และ สมุทรสาคร ที่โดนไปเต็มๆ (ทั้งฤดูกาล 2009)


แต่หากมองในอีกแง่หนึ่ง ก็เป็นการดีเหมือนกันที่ "พวกเขา" ได้ทำให้เรารู้สำนึกได้ว่า ผลประโยชน์ ไม่เข้าใครออกใคร และอย่าหวังไปพึ่งอะไรกับพวก "หมาล่าเนื้อ"


และจากการจากไปของ ทีโอที เอฟซี ก็ได้เป็นแรงกระตุ้นให้ก่อกำเนิดสโมสรฟุตบอลที่จะยิ่งใหญ่ในอนาคตขึ้นมาอีกทีมหนึ่ง นั่นก็คือ เมืองกาญจน์ เอฟซี นั่นเอง (เชียร์แบบออกนอกหน้า ใครจะทำไม..)


"พวกเขา" ทำให้เราได้รับรู้ว่า กลับมาเชียร์ทีมบ้านเกิดของเอ็งน่ะดีที่สุดแล้ว ชาวอยุธยาก็มีทีมอยุธยา เอฟซี ที่เล่นอยู่ในลีกภูมิภาค อยู่แล้ว ช่วยกันเชียร์ ช่วยกันสนับสนุน สักวันหนึ่ง ทีมจังหวัดของเรา ก็คงไต่ขึ้นไปเล่นในลีกที่สูงกว่า และไปจนถึง ไทย พรีเมียร์ลีก ได้สักวัน


และวันนั้น จะเป็นวันที่เรามีความภาคภูมิใจมากกว่าความสำเร็จที่ได้รับจาก หมาล่าเนื้อ จริงไหม